ในการใช้งาน Excel บางครั้งเราจำเป็นต้องใส่ตัวเลขลงในเซลล์ทีละตัว ซึ่งอาจทำให้เสียเวลาและเกิดความผิดพลาดได้ง่าย เราสามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้โดยใช้สูตร =IF(B2<>””,ROW(A1),””) เพื่อรันตัวเลขอัตโนมัติ
สูตรนี้ทำงานโดยตรวจสอบว่าเซลล์ B2 มีค่าหรือไม่ หากมีค่าจะคืนค่าค่าของฟังก์ชัน ROW(A1) ซึ่งจะแสดงลำดับของเซลล์ A1 บนเวิร์กชีต หากเซลล์ B2 ไม่มีค่าจะคืนค่าค่าว่าง
ตัวอย่างการใช้งาน
สมมติว่าเรามีตารางข้อมูลดังต่อไปนี้
ชื่อ | คะแนน |
---|---|
สมชาย | 90 |
สมหญิง | 80 |
สมบุญ | 70 |
หากต้องการใส่ตัวเลขลำดับของข้อมูลลงในคอลัมน์ C เราสามารถใช้สูตร =IF(B2<>””,ROW(A1),””) ได้ดังนี้
=IF(B2<>"",ROW(A1),"")
ผลลัพธ์ที่ได้คือ
ชื่อ | คะแนน | ลำดับ |
---|---|---|
สมชาย | 90 | 1 |
สมหญิง | 80 | 2 |
สมบุญ | 70 | 3 |
เราสามารถปรับแต่งสูตรนี้ได้ตามต้องการ เช่น หากต้องการเริ่มลำดับที่ 1 แทนที่ 1 ให้เปลี่ยนค่าของ ROW(A1) เป็น 1
=IF(B2<>"",ROW(A1)+1,"")
ผลลัพธ์ที่ได้คือ
ชื่อ | คะแนน | ลำดับ |
---|---|---|
สมชาย | 90 | 2 |
สมหญิง | 80 | 3 |
สมบุญ | 70 | 4 |
สูตรนี้มีประโยชน์มากในการใช้งาน Excel ช่วยให้เราสามารถประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดได้